วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ขั้นตอนในการถ่ายภาพยนตร์สั้น

ขั้นที่1  หาองค์ประกอบด้านวิธีการ คือ หลักการ การวางแผน การถ่ายทำ
การตัดต่อ การประเมินผล
ขึ้นที่2   หาองค์ประกอบด้านบุคลากร คือ บุคลากรในหน้าที่ต่างๆตั้งแต่ ตัวละคร บุคคลทางเทคนิค รวมไปถึง ผู้มีความสามารถเฉพาะครับ จะดีมากๆ และอีกอย่างคือทีมเวิคครับ
ขั้นที่3   เตรียมการผลิต คือ วางแผน เตรียมสถานที่ บท อุปกรณ์ ให้ครบ
ขั้นที่4    บทหนัง คือ วางบท คำพูด ระยะเวลาสถานที่ เรื่องราว ที่จะสื่อออกมา
เรื่องบทนี้จะมี หลายแบบ
– บทแบบสมบูรณ์  ประมาณว่า เก็บทุกรายละเอียดทุกคำพูดครับ
– บทแบบอย่างย่อ ประมาณว่า เปิดกว้างๆให้ผู้ชมสังเกตในความเข้าใจของตนเอง
– บทแบบเฉพาะ
– บทแบบร่างกำหนด
ขั้นที่5    การผลิต อย่างแรกเลย แต่ละฉากคุณต้องเลือกมุมกล้องให้เหมาะสม กับสภาพอากาศ ขนาดวัตถุ ว่าควรเห็นแค่ไหน  ขนาดมุมกล้องมีหลายแบบนะเยอะมาก ผมพูดรวมๆละกัน มีแบบ ระยะไกลมาก ระยะไกล ระยะปานกลาง ระยะใกล้
ขั้นที่6   ค้นหามุมกล้อง
– มุมคนดู ประมาณว่า เป็นมุมถ่ายจากรอบนอกของฉากนั้นๆครับ เหมือนผู้ชมเป็นคนสังเกตฉากนั้นๆ
– มุมแทนสายตา
– มุมพ้อยออฟวิว มุมนี้แนะนำให้ใช้เยอะๆครับ สวยมากมุมนี้ในการทำหนัง เป็นมุมที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ครับ เช่น การถ่ายข้ามไหล่ของตัวละคร หรือวัตถุ ครับ

ขั้นที่7   การเคลื่อนไหวของกล้อง
– การแพน การทิลท์ ประมาณว่า การทำเคลื่อนไหวกล้องให้เห็นตำแหน่งวัตถุนั้นสัมพันกันครับ
– การดอลลี่ การติดตามการเคลื่อนไหวเลยครับ
– การซูม เป็นการเปลี่ยนองค์ประกอบภาพครับ เหมือนเน้นความสนใจในจุดๆหนึ่ง
ขั้นที่8   เทคนิคการถ่าย
เอาเป็นว่าจับกล้องให้มั่นนะครับ อย่างผมก็จะจับ แบบกระชับกับตัวเลย คือแขนทั้งสองข้างแนบตัวเลยครับ
และก็ไม่แนะนำให้เคลื่อนไหวกล้องแบบรวดเร็วนะครับ กล้องจะปรับโฟกัสไม่ทัน ทำให้ภาพเบลอครับ
ขั้นที่9    หลังการผลิต ก็ต้องตัดต่อ เพิ่มเสียง เอ็ฟเฟก ความคมชัด ความเด่นชัดเรื่อง อักษรหนังสือ
ขั้นที่10   การตัดต่อ
อย่างแรกเลยครับจัดลำดับภาพ และเวลาให้ตรงและเหมาะสม อันไหนเกินยาวก็ให้ตัดทิ้งครับอย่าให้ขัดอารมณ์
อย่างสองคือจัดภาพให้เหมาะสม เนื้อหาและโครงเรื่องที่เราวางไว้ครับ
อย่างสามแก้ไขข้อบกพร่องครับ
อย่างสี่ เพิ่มเทคนิคให้ดูสวยงาม

เทคนิคการถ่ายวีดีโอ

       ปัจจุบันกล้องวีดีโอมีอยู่หลายประเภท เช่น แบบ Handycam(กล้องขนาดเล็ก)  กล้องแบบมืออาชีพ(ขนาดใหญ่) แต่หลักการและเทคนิคการถ่ายจะเหมือนๆกัน
ก่อนอื่นเรามาทราบถึงประเภทของสื่อที่ใช้บันทึกภาพของกล้องวีดีโอก่อนว่าปัจจุบันมีอยู่กี่แบบ
1.แบบใช้ม้วนเทป  ปัจจุบันเหลือเพียง miniDV   เป็นส่วนใหญ่
2.แบบใช้แผ่น  ซึ่งจะใช้แผ่น mini DVD เป็นตัวเก็บข้อมูล
3.แบบใช้ Hard Disk ปัจจุบันมีให้เลือกหลายขนาดของความจุ เช่น 30 GB, 60 GB ต้น
4.แบบใช้ Memory card  เช่น SD,  Memory Stick, XDcard  เป็นต้น
เทคนิคการถ่าย
1. อย่าถ่ายแช่นานเกินไป
2.อย่ายกกล้องไปมาแทนสายตา
3.ถ้าเหตุการณ์นั้นยังไม่สิ้นสุด อย่าหยุดถ่ายกลางคัน
4.อย่าZoom หรือ Pan ขณะถ่าย บ่อยเกินไป
5.หาจุดจบที่ทำให้สนใจ
6.พยายามมองหาจุดที่น่าสนใจรอบๆตัวเพื่อจะได้ไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญ
หลักการง่ายๆแค่นี้ ท่านก็จะได้ภาพที่ดูดี ระดับมืออาชีพแล้ว
7. ถือกล้องให้นิ่ง อย่าสั่น เทคนิคง่ายๆคือกลั้นหายใจ หรือหายใจเบาๆ ขณะที่กด record

เทคนิคการถ่ายวีดีโอให้นิ่งที่สุด โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง

        ส่วนใหญ่แล้วช่างภาพวีดีโอมือสมัครเล่นทั่วไป จะชอบถือกล้องในแบบที่ถนัดที่สุด แบบที่สบายที่สุด และแบบที่ถือแล้วไม่เมื่อย แต่มุมมองที่ออกมา ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แถมภาพสั่นยังกะอยู่ในคลื่นกลางทะเล วิธีที่จะทำให้วีดีโอนั้นไม่สั่นก็ต้องใช้ขาตั้งกล้องนะครับ ขาตั้งกล้องช่วยได้มากทีเดียว และต้องเป็นหัวแพนด้วย ถ้าเป็นหัวบอล ใช้สำหรับกล้องถ่ายภาพนิ่งนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าเราไปเที่ยว ถือแค่กล้องถ่ายวีดีโอไปตัวเดียว ไม่อยากเอาขาตั้งกล้องไปด้วย มันใหญ่และเกะกะมาก ผมมีเทคนิคเล็กๆน้อยๆครับ ที่จะทำให้ได้มุมมองที่สวย และจับถือได้นิ่งมากๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องเลย ขั้นตอนแรกนะครับ ให้ท่านจับกล้องด้วย 2 มือ กุมกล้องไว้ในมือทั้ง 2 จากนั้นยืดแขนออกไปให้สุด เพื่อฟิตกล้ามเนื้อก่อน ซัก 3-5 รอบ แล้วก็เอากล้องมาชิดที่หน้าท้อง ติดหน้าท้องเลยนะครับ ดันให้แน่นๆ เสยมุมกล้องขึ้นบนนิดหน่อยพอสวยงาม จากนั้นก็บิดจอ LCD ขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นจอภาพถนัดๆ จากนั้นก็กด Record ได้เลย ในระหว่างที่ถ่ายอยู่ ต้องใช้มือทั้ง 2 ที่กุมกล้องอยู่ ดันกล้องให้ติดหน้าท้องนะครับ รับรองได้ว่า วีดีโอที่ออกมา สวยและนิ่งใช้ได้เลยครับ แต่ถ่ายไปนานๆ จะรู้สึกเมื่อยนะครับ เพราะต้องกดกล้องเข้าหาหน้าท้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา หากถ่ายนานๆใช้ขาตั้งหรือโต๊ะ หรือหาอะไรที่มันพอจะวางกล้องได้มันจะดีกว่านะครับ ลองเอาเทคนิคนี้ไปประยุกต์ใช้กันดู หวังว่าคงจะมีประโยชน์สำหรับสมาชิกทุกท่านครับ

ขั้นตอนสำหรับการเขียนบทภาพยนตร์

1. การค้นคว้าหาข้อมูล (research)
   เป็นขั้นตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรกที่ต้องทำถือเป็นสิ่งสำคัญหลังจากเราพบประเด็นของเรื่องแล้ว จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเสริมรายละเอียดเรื่องราวที่ถูกต้อง จริง ชัดเจน และมีมิติมากขึ้น  คุณภาพของภาพยนตร์จะดีหรือไม่จึงอยู่ที่การค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าภาพยนตร์นั้นจะมีเนื้อหาใดก็ตาม
2. การกำหนดประโยคหลักสำคัญ (premise)
   หมายถึง ความคิดหรือแนวความคิดที่ง่าย ๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นถ้า…” (what if) ตัวอย่างของ premise ตามรูปแบบหนังฮอลลีวู้ด เช่น เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ &จูเลียตเกิดขึ้นในนิวยอร์ค คือ เรื่อง West Side Story, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ดาวอังคารบุกโลก คือเรื่อง The Invasion of Mars, เกิดอะไรขึ้นถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเรื่อง Godzilla, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก คือเรื่อง The Independence Day, เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ &จูเลียตเกิดขึ้นบนเรือไททานิค คือเรื่อง Titanic เป็นต้น
3. การเขียนเรื่องย่อ (synopsis)
   คือเรื่องย่อขนาดสั้น ที่สามารถจบลงได้ 3-4 บรรทัด หรือหนึ่งย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็น story outline เป็นร่างหลังจากที่เราค้นคว้าหาข้อมูลแล้วก่อนเขียนเป็นโครงเรื่องขยาย (treatment)
4. การเขียนโครงเรื่องขยาย (treatment)
   เป็นการเขียนคำอธิบายของโครงเรื่อง (plot) ในรูปแบบของเรื่องสั้น โครงเรื่องขยายอาจใช้สำหรับเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์ บางครั้งอาจใช้สำหรับยื่นของบประมาณได้ด้วย และการเขียนโครงเรื่องขยายที่ดีต้องมีประโยคหลักสำคัญ (premise)  ที่ง่าย ๆ น่าสนใจ
 5. บทภาพยนตร์ (screenplay)
   สำหรับภาพยนตร์บันเทิง หมายถึง บท (script) ซีเควนส์หลัก (master scene/sequence)หรือ ซีนาริโอ (scenario) คือ บทภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่อง บทพูด แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทำ (shooting script) เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้วอย่างมีขั้นตอน ประกอบ ด้วยตัวละครหลักบทพูด ฉาก แอ็คชั่น ซีเควนส์ มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง เช่น บทสนทนาอยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานที่ อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ ไม่มีตัวเลขกำกับช็อต และโดยหลักทั่วไปบทภาพยนตร์หนึ่งหน้ามีความยาวหนึ่งนาที
6. บทถ่ายทำ (shooting script)
   คือบทภาพยนตร์ที่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเขียน บทถ่ายทำจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ (screenplay) ได้แก่ ตำแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การละลายภาพ หรือการจางซ้อนภาพ (dissolve) การกวาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect) อื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเลขลำดับช็อตกำกับเรียงตามลำดับตั้งแต่ช็อตแรกจนกระทั่งจบเรื่อง
7. บทภาพ (storyboard)
   คือ บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือการ์ตูน ให้เห็นความต่อเนื่องของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์หรือทั้งเรื่องมีคำอธิบายภาพประกอบ เสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสียงพูด เป็นต้น ใช้เป็นแนวทางสำหรับการถ่ายทำ หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า (pre-visualizing) ก่อนการถ่ายทำว่า เมื่อถ่ายทำสำเร็จแล้ว หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทของ Walt Disney นำมาใช้กับการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนของบริษัทเป็นครั้งแรก โดยเขียนภาพ      เหตุการณ์ของแอ็คชั่นเรียงติดต่อกันบนบอร์ด เพื่อให้คนดูเข้าใจและมองเห็นเรื่องราวล่วงหน้าได้ก่อนลงมือเขียนภาพ ส่วนใหญ่บทภาพจะมีเลขที่ลำดับช็อตกำกับไว้ คำบรรยายเหตุการณ์ มุมกล้อง และอาจมีเสียงประกอบด้วย

ตัวอย่างหนังสั้น



ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=wjLqM5sFvPY


ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=O6htaR29XC0

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีทดสอบตัวเองว่าเป็นเกย์ ไบ หรือชายแท้

         ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เกิดความคลางแคลงใจว่าตัวเองจะมีความเป็นเกย์ หรือไบ ซุกซ่อนอยู่หรือไม่ หรือเป็นเกย์อยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นเป็นเกย์แบบไหน ผู้เขียนใคร่ขอเสนอแนะวิธีทดสอบตัวเองอย่างง่ายๆ เพื่อให้คุณนำไปประเมินผลดูว่า แท้จริงแล้ว ในส่วนลึกแห่งจิตใจของคุณเองนั้น มีความต้องการอย่างใดกันแน่ จะได้ทำใจยอมรับสภาพความเป็นไปได้ง่ายขึ้น

         วิธีการทดสอบง่ายๆ ที่อยากจะแนะนำนั้นก็คือ ให้คุณไปสรรหาภาพถ่าย หนังสือ วีซีดี หรือดีวีดีหนังโป๊ ที่แสดงการร่วมรักระหว่างชายกับหญิงมาดู อันนี้ต้องขอทำความเข้าใจเสียก่อนว่า ไม่ได้มายุยงส่งเสริม หรือสนับสนุนบรรดาสื่อลามกอนาจารทั้งหลาย แต่ให้ถือเป็นการนำมาเพื่อศึกษาหาความรู้ในทางวิชาการ ซึ่งในทางการแพทย์ก็ใช้วิธีการเช่นนี้กันอยู่แล้ว เวลาจะทดสอบสมรรถภาพทางเพศของคนไข้ และถ้าจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะไปเสาะหาสื่อเหล่านี้จากที่ไหน ก็ขอแนะนำให้ลองไปเดินตามตลาดนัดที่มีหนังสือเก่าๆวางขาย เพราะจะมีคนมากระซิบถามคุณผู้ชายว่า

         "โป๊มั้ยพี่... โป๊เปล่า?"

         เขาไม่ได้มาถามคุณหรอกว่าคุณแต่งตัวโป๊หรือไม่ แต่เขาจะมาเสนอขายหนังสือหรือหนังโป๊กับคุณต่างหาก ซึ่งราคาค่างวด ก็จะแตกต่างกันตามความโป๊ที่นำเสนอ ถ้าเห็นว่ามันเสี่ยง หรือน่าขายหน้าจนเกินไปในการไปเดินหาซื้อ ก็สามารถเข้าอินเตอร์เน็ตแล้วสั่งซื้อมาดูที่บ้านได้ เมื่อคุณได้ของสิ่งนั้นมาแล้ว ก็ให้สังเกตุพฤติกรรมของตัวเองดูว่ารู้สึกอย่างไรที่ได้ชม

         1. ถ้าหากคุณเห็นภาพผู้หญิงเปลือยกาย หรือเห็นสัดส่วนต่างๆ อันอะร้าอร่ามงามตาน่าสนใจของเธอแล้ว เกิดความรู้สึกซู่ซ่า เลือดฉีดซ่านไปทั่วร่างอย่างเร่าร้อน จนมือและเท้าเย็นชา หัวใจเต้นแรง อวัยวะแห่งความเป็นชายขยับขยายจนอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปกุมกำขยำขยี้ หรือปลดปล่อยมันออกจากพันธนาการที่ปกปิด เพื่อเปิดโอกาสทำอะไรได้สะดวกโยธิน หรือเห็นภาพผู้ชายร่วมรักกับผู้หญิงแล้ว เกิดความต้องการที่จะทำตามอย่าง อยากเป็นอย่างผู้ชายคนนั้นย คืออยากร่วมรักกับผู้หญิงบ้าง แสดงว่าคุณเป็นผู้ชายแท้ๆ 100% ถึงแม้ว่าบางครั้ง คุณอาจจะเกิดความรู้สึกชื่นชมในสัดส่วนหรือเรือนร่างของผู้ชายคนนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเป็นการจินตนาการว่าตัวคุณคือผู้ชายคนนั้น

         2. ถ้าหากคุณเห็นภาพดังกล่าวแล้ว เกิดความรู้สึกหลงใหลในเรือนร่างของฝ่ายชายขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแก้มก้นอันกลมกลึง แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ หรือสัดส่วนแห่งความเป็นชายอันงามตา และอยากลองสัมผัสทุกสิ่งที่ว่ามานั้น แสดงว่าคุณมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นไบ หากแต่ยังคงมีความเป็นผู้ชายแท้ๆคอยยับยั้งอยู่ เพราะถึงอย่างไร คุณก็ยังคงมีอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการทางเพศกับผู้หญิงมากกว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะในวัยเด็ก คุณอาจเคยมีประสบการณ์บางอย่างระหว่างเพื่อนชายด้วยกันมาก่อน เช่น อาจเคยถูกสัมผัสสัดส่วนแห่งความเป็นชาย หรือเรือนกายของเพื่อนชายด้วยกันแบบเนื้อต่อเนื้อ หรืออาจเคยช่วยใช้มือสำเร็จความใคร่ให้แก่กันมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล และถ้าหากคุณไม่ต้องการจะร่วมรักกับผู้ชาย คุณก็ไม่ได้เป็นไบ

         3. ถ้าหากคุณได้ชมภาพการร่วมรักระหว่างหญิงกับชายแล้วเกิดความรู้สึกอยากจะมี อะไรกับผู้ชายคนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากเป็นฝ่ายรุก คือสอดใส่สัดส่วนของคุณเข้าทางด้านหลังของเขา หรือเห็นผู้ชายหน้าตาน่ารัก หวานแชล่มแช่มช้อย ปากนิดจมูกหน่อยแล้ว เกิดความรู้สึกรัก อยากให้ความอบอุ่น อยากกอดจูบลูบคลำ อยากให้การทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูปูเสื่อ เสมือนหนึ่งว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผู้หญิงของคุณ ในขณะเดียวกัน คุณก็ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงแท้ๆอยู่ เพราะเห็นว่ารสสวาทและสัดส่วนเรือนกายของผู้หญิงนั้น ยังเป็นสิ่งที่วิเศษสุดสำหรับคุณ และไม่มีสิ่งใดมาลบล้างความรู้สึกต่างๆให้สูญสลายหรือทดแทนได้ โดยถือเอาการที่คุณมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันนั้นเป็นเพียงการเปลี่ยนรสชาติ เพื่อไม่ให้จำเจ นั่นแสดงว่าคุณเป็นไบอย่างเต็มตัวแล้ว

         4. ถ้าหากคุณดูภาพการร่วมรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง หรือภาพผู้หญิงเปลือยกายแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศกับผู้ชายมากกว่า ในบางครั้งก็รู้สึกมีอารมณ์กับฝ่ายหญิงบ้าง แต่ไม่ดื่มด่ำ ไม่เร้าใจ ไม่วาบหวิวเท่ากับฝ่ายชายด้วยกัน บางทีนึกอยากจะเข้าไปร่วมวงไพบูลย์ เป็นหนึ่งในกิจกรรมสวาทหมู่ของเขาและเธอนั้นด้วย โดยอยากมีอะไรกับทั้งสองฝ่ายพร้อมๆกัน หรือกับฝ่ายชายมากกว่า และอยากเป็นฝ่ายรุกหรือรับกับผู้ชายคนนั้น นั่นแสดงว่าคุณกำลังอยู่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นไบและความเป็นเกย์ ซึ่งถ้าหากเมื่อใดที่คุณเลิกมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงอย่างถาวร แล้วหันไปมีอะไรกับผู้ชายเพียงอย่างเดียว คุณก็จะกลายเป็นเกย์ไปในที่สุด

         5. ถ้าหากคุณดูภาพดังกล่าวแล้วไม่รู้สึกสนใจ ไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับภาพผู้หญิงเปลือยกาย หรือสัดส่วนต่างๆของร่างกายเธอเลย ตรงกันข้าม คุณกลับรู้สึกสนใจ ตื่นเต้นที่ได้เห็นสัดส่วนและเรือนกายของผู้ชาย โดยเฉพาะบั้นท้ายของเขา ทั้งยังนึกอยากจะมีอะไรกับเขาเพียงคนเดียว โดยอยากจะเป็นฝ่ายรุกผู้ชายคนนั้น หรืออยากปกป้อง ให้ความอบอุ่นเสมือนหนึ่งว่าเขาเป็นน้องชายที่น่ารัก หรือเป็นภรรยาของคุณ นั่นแสดงว่าคุณเป็นเกย์คิง คือชอบรุก

         6. ถ้าหากคุณดูภาพดังกล่าวแล้วไม่รู้สึกสนใจ ไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับภาพผู้หญิงเปลือยกาย หรือสัดส่วนต่างๆของร่างกายเธอเลย ตรงกันข้าม คุณกลับรู้สึกสนใจ ตื่นเต้นที่ได้เห็นสัดส่วนและเรือนกายของผู้ชาย โดยเฉพาะความบึกบึนกำยำล่ำสันและกล้าแกร่งสมชายชาตรีของเขา และอยากมีอะไรกับเขา โดยอยากเป็นฝ่ายรับ อยากถูกเขาโอบกอด หรือปกป้องให้ความอบอุ่นกับคุณ เสมือนหนึ่งว่าเขาเป็นพี่ชายที่แสนดี หรือเป็นสามีที่น่ารัก บางครั้งอาจรู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่ได้ร่วมรัก หรือรองรับสัดส่วนของผู้ชาย ได้มีโอกาสทำให้ผู้ชายมีความสุขสุดยอด นั่นแสดงว่าคุณเป็นเกย์ควีน คือชอบรับ

         7. ถ้าหากคุณดูภาพการร่วมรักระหว่างหญิงกับชายแล้วไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับภาพ ผู้หญิงเปลือยกาย หรือสัดส่วนต่างๆของร่างกายเธอเลย แต่กลับชอบดูภาพการร่วมรักระหว่างผู้ชายด้วยกันมากกว่า โดยเมื่อคุณเห็นภาพผู้ชายบึกบึนกำยำล่ำสัน กำลังมีอะไรกันกับผู้ชายหน้าหวานอ่อนโยนแชล่มแช่มช้อย คุณก็มักจินตนาการไปว่าตนเองเป็นผู้ชายบึกบึนกำยำและกำลังเป็นฝ่ายรุกบ้าง หรือจินตนาการว่าตนเองเป็นผู้ชายหน้าหวานอ่อนโยน และกำลังเป็นฝ่ายรับบ้าง แล้วแต่กรณีไป นี่แสดงว่าคุณเป็นเกย์โบ้ท คือชอบทั้งรุกและรับ

         จากวิธีการทดสอบแบบง่ายๆ ทั้ง 7 ข้อที่ว่ามา คงพอทำให้ใครหลายๆคนพอเดาออกได้บ้างแล้วว่าคนเองนั้นเป็นเกย์ ไบ หรือชายแท้ แต่ถ้าหากคุณไม่อยากไปซื้อหนังโป๊มาดูเพราะกลัวเป็นตากุ้งยิง หรือเห็นว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้อับอายขายหน้าเสื่อมเสียชื่อเสียงวงตระกูลที่อุตส่าห์สั่งสมมาเป็นเวลา ช้านานหลายชั่วอายุคนละก็ ขอแนะนำแบบทดสอบที่ผู้เขียนคิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อกรณีนี้โดยเฉพาะ โดยผู้เขียนขอใช้ชื่อว่า "แบบทดสอบพื้นฐานทางพฤติกรรมสำหรับผู้ชายที่คลางแคลงใจว่าตนเองเป็นเกย์ ไบ หรือชายแท้ กันแน่หนอ"

         ซึ่งผู้ที่ทำแบบทดสอบ จะต้องตอบคำถามทุกข้อดังต่อไปนี้ด้วยความจริงใจ และจะต้องทำคนเดียว ห้ามมีที่ปรึกษาเป็นอันขาด

1. เมื่อคุณพานพบผู้หญิงสวยเซ็กซี่ หรือนุ่งน้อยห่มน้อย คุณรู้สึกเช่นไร
ก. ตื่นตัว และอยากมีอะไรกับเธอเดี๋ยวนั้น
ข. สนใจมอง แต่ไม่ตื่นตัวถ้าไม่ถูกกระตุ้น
ค. เฉยๆ ไม่สนใจ ไม่รู้สึกอะไร บางครั้งเกลียด

2. คุณเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงหรือไม่ บ่อยแค่ไหน
ก. เคยสิครับ เป็นประจำเลยถ้ามีโอกาส
ข. เคย นานๆครั้ง ถ้ามีโอกาส
ค. ไม่เคย และไม่อยากมีโอกาส

3. เคยมีผู้หญิงส่งสายตาให้คุณแบบชื่นชอบบ้างหรือไม่
ก. เคย บ่อยไป เพราะผมมีเสน่ห์อยู่แล้ว
ข. มีพอสมควร
ค. ไม่เคยสังเกตุ ถึงมีก็ดูไม่ออกว่าเขาสนใจเราหรือเปล่า

4. ถ้ามีผู้หญิงส่งสายตาให้คุณแบบชื่นชอบ คุณจะรู้สึกอย่างไร
ก. ตื่นเต้นดีใจ กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก
ข. เฉยๆ ไม่คิดอะไร
ค. นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใต

5. แล้วตัวคุณเองล่ะ เคยแซว ทำเจ้าชู้ หรือส่งสายตาให้ผู้หญิงบ้างหรืเปล่า
ก. โอ๊ยยย... มันแน่นอนอยู่แล้ว มีเหรอจะพลาด
ข. เป็นบางครั้ง ไม่บ่อย เพราะกลัวเขาเอาเรื่อง
ค. จะบ้าเหรอ ไม่เคยทำหรอก

6. เคยส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ผู้ชายด้วยกันบ้างไหม
ก. เฮ้ยยย.... ไม่เคย น่าเกลียด
ข. เคยครับ เวลาเจอหนุ่มหล่อน่ารัก
ค. ต้องมาดแมนๆ หน่อยนะ ชอบบบ

7. เคยมีผู้ชายด้วยกันมาจีบบ้างหรือเปล่า
ก. มี... เยอะด้วย แต่ไม่เคยสนใจหรอก
ข. มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ผมจะเป็นฝ่ายไปจีบเขา
ค. ไม่เคยมีเล้ยยย มีแต่เราเป็นฝ่ายตามล่า

8. เคยถูกผู้ชายด้วยกันกอด จูบ ลูบ คลำ บ้างหรือไม่
ก. เคย แต่แกล้งกันเล่นๆ สนุกๆ ไม่ได้คิดอะไรหรอก
ข. ส่วนใหญ่ผมจะเป็นฝ่ายทำคนอื่นเขา
ค. ถูกเขาทำมาเราก็ทำกลับไป เขาอาจไม่คิดอะไร แต่เราคิด

9. เวลาถูกผู้ชายสุดหล่อมากอดคอพูดคุย คุณรู้สึกอย่างไร
ก. เฉยๆ ก็เป็นเพื่อนกันน่ะ
ข. เขินๆนิดๆ บางครั้งอาจซู่ซ่าขึ้นมา
ค. แทบระทวย ขวยเขินอาย มือไม้เย็นชาขาสั่น ทำอะไรไม่ถูก พูดตะกุกตะกัก หลบสายตาจากใบหน้าเขา

10. ถ้าคุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับผู้ชายอีกคน คุณจะ...
ก. เฉยๆ ไม่สนใจอะไร
ข. แอบชำเลืองเวลาเขาเผลอ
ค. ชมว่าเขาหุ่นดี และดูปฎิกิริยาตอบสนองเผื่อเขาจะเปิดโอกาสให้

11. ถ้าคุณต้องอาบน้ำพร้อมกับผู้ชายหลายๆคน คุณจะรู้สึกอย่างไร
ก. เป็นเรื่องธรรมดา ไม่คิดอะไร
ข. คิดบ้าง ถ้าได้เห็นอะไรดีๆ
ค. แทบคลั่งตาย หัวใจเต้นแรง อารมณ์พลุ่งพล่านจนโลหิตฉีดซ่านไปทั่วร่าง พยายามอาบน้ำช้าๆ ให้เสร็จทีหลังเขา เพื่อจะได้แอบดูเขาให้นานที่สุด

12. เคยมีเซ็กซ์กับผู้ชายด้วยกันหรือไม่
ก. บ้า... ไม่เคย กลัวฟ้าผ่าตาย
ข. เคยครับ ก็พอๆที่มีกับผู้หญิงแหละ
ค. แล้วแต่โอกาสจะอำนวยอวยชัยให้

13. ถ้ามีผู้ชายมาบอกรัก หรือขอมีเซ็กซ์ด้วย จะทำไง
ก. ไล่เตะมัน
ข. ดูหน้าตาก่อน ถ้าหล่อน่ารักก็โอเค
ค. ถ้าถูกใจก็ไม่ปฏิเสธ รักหมด

14. เวลาคุณดูหนังแล้วมีบทเลิฟซีนระหว่างหญิงกับชายแล้ว คุณรู้สึกอย่างไร
ก. อยากเข้าไปเล่นแทนผู้ชายคนนั้นซะเอง
ข. ผู้หญิงก็ใช้ได้ ผู้ชายก็หล่อดี ชอบทั้งคู่ครับ
ค. ขอเข้าไปเล่นแทนผู้หญิงได้มั้ยเนี่ย

15. ถ้าคุณหลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่ไม่มีผู้หญิง และต้องมีเซ็กซ์กับบุคคลต่อไปนี้ คุณจะเลือกใคร ระหว่างสาวประเภทสองที่แปลงเพศสมบูรณ์แล้ว กับผู้ชายแท้ๆ
ก. สาวประเภทสองชัวร์
ข. ขอเลือทั้งคู่ได้ไหม
ค. ผู้ชายแท้ๆแน่อยู่แล้ว

16. รู้สึกอย่างไรที่เห็นนักฟุตบอลชาย แสดงความดีใจด้วยการจูบปากกัน เมื่อเขายิงประตูได้
ก. จะอ้วกแตก
ข. เปรี้ยวปาก อยากทำมั่ง
ค. วาบหวิวใจพิกลๆ

17. เวลาไปตามชายหาด หรือสระว่ายน้ำ คุณชอบดูอะไร
ก. ผู้หญิงสวยๆ
ข. ผู้หญิงสวยๆ และผู้ชายหน้าใสๆ
ค. ผู้ชายรูปหล่อมาดแมนหุ่นล่ำเกินห้ามใจในชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วๆ

18. บุคคลใดต่อไปนี้ที่คุณคิดว่าเขามีเสน่ห์เร้าใจคุณมากที่สุด
ก. นักศึกษาสาวๆ
ข. นักศึกษาหนุ่มๆ หุ่นบาง
ค. ตำรวจ ทหาร และผู้ชายในเครื่องแบบทั้งหลาย

19. เมื่อถึงวันเกิดของแฟนคุณ คุณจะซื้อของสิ่งใดให้เขา
ก. ของกินหรือของใช้ที่ผู้หญิงชอบ
ข. ของที่ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย เพราะถ้าผู้หญิงไม่ชอบ ก็เอาไปให้ผู้ชายได้
ค. ของใช้ส่วนตัวของผู้ชาย เช่น กางเกงในสุดเซ็กซี่ ถุงเท้า หรือเนคไท

20. ข้อความที่คุณอยากส่ง SMS ถึงแฟนคุณ
ก. อยากมีลูกแล้ว
ข. จะสวยหรือหล่อผมก็รัก
ค. กินข้าวกับมั้ยพ่อรูปหล่อ

21. ถ้าแฟนของคุณเริ่มอ้วนขึ้นทุกที คุณจะ...
ก. ทนไป ก็มีลูกด้วยกันแล้วนี่
ข. หาใหม่ เพราะมีให้เลือกมากมายทั้งชายและหญิง
ค. เสียดายความหล่อของเขา

22. ถ้ามีเพื่อนผู้ชายมาเล่าเรื่องที่เขาไปมีเซ็กซ์กับผู้หญิง คุณจะ...
ก. ก็มันส์สิครับ เล่าเรื่องของเรามั่งเลย
ข. ฟังเขาเล่าเป็นส่วนใหญ่ อาจแนะนำอะไรไปบ้าง
ค. ทนฟังไป ไม่แสดงความคิดเห็น อาจหัวเราะ หรือยิ้มๆ

23. ถ้าพบเห็นผู้ชายสุดหล่อมาดแมนควงแฟนสาวเดินผ่านหน้าคุณไป คุณจะ...
ก. แอบมองแฟนสาวของเขา
ข. แอบมองทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ค. แอบมองผู้หญิงแว้บเดียว แต่มองผู้ชายแบบเจาะลึกทุกซอกทุกมุม

24. ถ้าเพื่อนๆในกลุ่มของคุณพูดคุยหรือวิจารณ์พวกเกย์และไบอย่างเสียๆหายๆ คุณจะรู้สึกอย่างไร
ก. ไม่รู้สึกอะไร
ข. กระสับกระส่ายบ้าง
ค. หน้าชา หงุดหงิด ไม่ค่อยพอใจ วางตัวลำบาก

25. ถ้าเพื่อนสนิทมาสารภาพกับคุณว่าเขาเป็นเกย์ คุณจะ...
ก. ช็อคไปครู่ใหญ่ จนบางครั้งอาจรับไม่ได้
ข. ดวงตาเป็นประกายในทันทีที่รู้
ค. บอกเขาไปว่า... สงสัยเราก็เป็นเหมือนกัน

การประเมินผล

         เมื่อคุณได้ทำแบบทดสอบทั้ง 25 ข้อ นี้เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นของการรวมคะแนนและประเมินผล โดยถ้าคุณเลือกตอบ

ข้อ ก. คุณจะได้ข้อละ 4 คะแนน

ข้อ ข. คุณจะได้ข้อละ 3 คะแนน

ข้อ ค. คุณจะได้ข้อละ 2 คะแนน

ซึ่งการประเมินผลจะเป็นดังนี้ คือ

100 คะแนน หรือตอบแต่ข้อ ก. แสดงว่าคุณเป็นผู้ชายแท้ 100%

76-99 คะแนน แสดงว่าคุณมีพฤติกรรมของความเป็นไบ

75 คะแนน หรือตอบแต่ข้อ ข. แสดงว่าคุณเป็นไบ

51-74 คะแนน แสดงว่าคุณมีพฤติกรรมของความเป็นเกย์

50 คะแนน หรือตอบแต่ข้อ ค. แสดงว่าคุณเป็นเกย์

คำเตือน ห้ามทำแบบทดสอบนี้เกิน 2 ครั้ง เพราะครั้งที่ 2 มักจะให้ผลที่คาดเคลื่อนมากกว่าครั้งแรกเสมอ

         เมื่อทดสอบด้วยวิธีดังกล่าวนี้แล้ว หากคุณพบว่าตนเองเป็นผู้ชายแท้ๆ 100% คงสบายใจ แต่ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่ก้ำกึ่ง คือมีพฤติกรรม หรือมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเกย์หรือไบจะต้องกังวล เพราะถ้าหากคุณเลิกมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน ก็อาจจะกลับไปเป็นผู้ชายแท้ๆ 100% ดังเดิมได้ แต่หากเมื่อใดที่คุณเลิกมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงไปเลย แล้วหันไปมีอะไรกับผู้ชายเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่หันกลับมามีอะไรกับผู้หญิงอีก นั่นก็แสดงว่าคุณได้กลายเป็นเกย์ไปแล้ว


         ซึ่งคนที่เปลี่ยนจากผู้ชายแท้ๆ หรือไบ ไปเป็นเกย์นั้น ยังมีโอกาสกลับมาเป็นผู้ชายแท้ๆได้ทุกเมื่อ ถ้าในอนาคตเขาเกิดเปลี่ยรนใจ กลับมามีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่สำหรับเกย์แท้ๆ ที่ไม่เคยมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงมาก่อนตั้งแต่เริ่มแรกนั้น คงเป็นการยาก หรือแทบไม่มีทางจะเป็นไปได้เลยที่จะเปลี่ยนไปมีอะไรกับผู้หญิง หรือเปลี่ยนไปเป็นผู้ชายแท้ๆ 100 % เนื่องจากเขาได้ถูกปลูกฝังความเป็นเกย์เข้าไว้ในสายเลือดจนเต็มเปี่ยมแล้ว

ทำอย่างไรให้เกย์กลายเป็นชายแท้


คุณเป็นเกย์รึเปล่า?
คุณมีเพื่อนสนิทเป็นเกย์?
คุณมีลูกชายเป็นเกย์?
สามีของคุณเป็นเกย์?
หรือคุณอยากให้ใครสักคนเป็น??
หรือตัวคุณกำลังสับสนเพศตัวเอง ทุกข์ทรมานใจกับการเป็นเกย์ใช่หรือเปล่าครับ?


ก่อนอื่น ถามตัวเองก่อน ว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยนตัวเองหรือคนใกล้ชิดที่เป็นเกย์ให้กลับกลายเป็นชายแท้? เพราะคุณไม่มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะคุณยอมรับไม่ได้ในสิ่งที่เพื่อนของคุณเป็น หรือเพราะคุณผิดหวังที่คนใกล้ชิดไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่าง "สมบูรณ์" หรือคุณกังวลใจว่าเขา "ผิดปกติ"

ควรจะแน่ใจก่อนว่า คุณรู้จักเกย์จริงๆแล้วมีลักษณะอย่างไร!

เกย์จะต้องสวย ต้องตุ้งติ้ง มีจริตของความสาว รักสวยรักงาม ปากจัด เจ้าระเบียบ หรือเป็นเกย์ได้เฉพาะคนหน้าตาดีเท่านั้น!! นิยามตัวเป็นชายใจเป็นหญิงใช้ไม่ได้กับคนที่เป็นเกย์ทั้งหมด หลายคนยังเข้าใจผิดๆ ว่าเกย์คือชายที่เกิดมาแล้วอยากจะเป็นหญิง เหล่านี้คือความเข้าใจผิดของคนทั่วไป จริงอยู่ เกย์สาวบางคนอยากจะแปลงเพศ อยากจะแต่งหญิง อยากจะสวย อยากมีนมเป็นของตัวเอง แต่นั่นไม่ใช่เกย์ทุกคนที่อยากเป็น
---------------------------------------------------------------------------------------
เกย์บางคนอยากมีกล้าม อยากมีหนวด อยากใหญ่ หลายๆคนเตะบอล โลดโผน เถื่อนดิบ ดุดัน และเร้าใจ เป็นผู้ชายบ้านๆทั่วไปหรือดูดีไฮโซมีสไตล์ เกย์มีอยู่ในทุกชนชั้นฐานะ และทุกวัย ตั้งแต่เด็กยันแก่.... ทุกสาขาอาชีพ ช่างเสริมสวย ดารานักแสดง กรรมกร จับกัง นายธนาคาร หนุ่มออฟฟิต คุณครู นายแพทย์ ศาสตราจารย์ เจ้าของธุรกิจ เศรษฐีหรือยาจก คนที่เป็นเกย์มีอยู่รอบตัวเรา อาจจะเดินสวนกัน คนที่คุยด้วยเมื่อเช้านี้หรือเพื่อนที่ทำงาน บางทีเราอาจจะไม่รู้ว่า เพื่อนเรา ลูกชายเรานั้นเป็นเกย์ หรือแม้กระทั่งตัวเราก็ยังสับสนว่าเราเป็นอะไร... 

แน่นอนว่าเกย์ บางคนเปิดเผย ออกจริตมาก บางคนดูการแต่งตัว ดูลักษณะการแสดงออกก็รู้กันแล้ว ว่าเป็น "เกย์" บางคนก็แอ๊บกลางวันครับกลางคืนคะ แมนที่ทำงานแต่สาวแตกเมื่ออยู่กับพวกเดียวกัน แต่บางคนก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ปกปิดหรือเปิดเผย ยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น เราอาจจะไม่เคยสนใจชายเหล่านี้ เพราะเขาไม่ได้แสดงออกว่ามีรสนิยมชอบชายด้วยกัน เกย์จึงมีบุคลิกทั่วไปไม่แตกต่างจากผู้ชายธรรมดาๆ เราจึงเข้าใจเอาเองว่าเกย์ต้องมีลักษณะเหมือนกับพวกที่แสดงออกเท่านั้น

...ผู้ชายธรรมดาๆที่รักผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนั่นแหละคือนิยามของคำว่าเกย์...

-----------------------------------------------------------------------------------

ความรักเป็นของสากลไม่ว่าเพศไหนก็มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นในหัวใจได้

เรารู้สึกใจเต้น หน้าร้อนผ่าว เหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้... เมื่อเราตกหลุมรักใครสักคน
เรามีความรู้สึกปราถนาดีห่วงใย... ต่อคนที่เรารัก
เรารู้สึกอบอุ่นและมีความสุข... เมื่อเราอยู่ใกล้คนที่เรารัก
เราเกิดความคิดถึงห่วงหา.. เมื่อเราอยู่ห่างคนรัก
และเรารู้สึกเศร้าเจ็บปวดทรมานเช่นเดียวกัน... เมื่อความรักได้หลุดลอยไป
หญิงรักชาย ชายรักหญิง ชายรักชาย หรือหญิงรักหญิง ก็เกิดความรักอย่างเดียวกันนี้ ไม่มีความแตกต่างกันเลย...

ถ้าคุณยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้ เพราะกลัวว่าสังคมจะไม่ยอมรับ และคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง... ขอตั้งคำถามสักข้อหนึ่ง คุณกำลังจะเปลี่ยนจากอะไรเป็นอะไร จาก... เกย์เป็นชายแท้ๆ อย่างนั้นหรือ? แล้วการเปลี่ยนอย่างที่ว่าต้องทำอย่างไร? เปลี่ยนมาชอบผู้หญิง? เปลี่ยนให้เลิกชอบผู้ชาย? หรือเปลี่ยนให้ตัวเองอยู่ได้โดยปราศจากความรัก...

----------------------------------------------------------------------------------

ผมว่าคุณทำได้!!!

คุณสามารถเลิกรักใครสักคนได้ แม้ว่ามันจะยากเต็มทนก็ตาม แม้จะรักมากแค่ไหน แต่เวลาจะช่วยทุเลาและเจือจางแรงปราถนานั้นได้
ดังนั้น คุณเลิกชอบผู้ชายได้นับตั้งแต่วันนี้ คุณบังคับให้คนใกล้ชิดคุณเลิกรักผู้ชายได้ เราสามารถบอกลาความรักได้ เพียงแต่เราต้องอนทดต่อความทรมานใจ

แต่... คุณจะบังคับความรักได้หรือ คุณสามารถสั่งใจให้รักใครได้ตามต้องการกระนั้นหรือ คุณสั่งให้หัวใจของคุณโหยหาเกิดแรงปราถนาต่อผู้หญิงได้หรือไม่
ขนาดแม้แต่ตัวเอง ยังบังคับใจตัวเองให้เกิดรักไม่ได้เลย แล้ว "คนอื่น" จะมาบังคับความรักในหัวใจเราได้อย่างไร


บางคนอาจจะเถียง ว่าสามารถบังคับให้เกิดรักได้!!!!

ผมขอร้องให้คุณทำความเข้าใจคำสองคำนี้ "ความรัก" กับ "ความหลง" บางทีทั้งสองความรู้สึกก็มาพร้อมกัน เมื่อเรา "หลงรัก" ใครบางคน
แต่.. ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ความหลงจะจางลง ความรักยังคงอยู่ เมื่อนั้นเราจะเห็นความชัดเจนระหว่างข้อแตกต่าง ความรักกับความหลง

ความหลงเป็นอาการลุ่มหลง อาจจะเกิดขึ้นชั่วคราวข้ามคืนหรือยาวนานเป็นเดือนปีแล้วก็หมดลง ความหลงทำให้เรามีความสุขแบบคนที่กำลังเมาขาดสติ
ความรักนั้นเป็นความ รู้สึกที่ถูกขับเค้นออกมาจากหัวใจ ยากเกินจะบรรยาย คุณจะรู้จัก "รัก" ต่อเมื่อคุณได้สัมผัสมัน และคุณจะไม่ลืมอีกเลยว่ารักเป็นเช่นไร
เราอาจจะทำให้ผู้ชายแท้ๆมาหลงเกย์ได้ด้วยแรงปราถนาด้วยความสับสนชั่วขณะ หรือเกย์อาจจะติดใจผู้หญิงได้ แต่เนื้อแท้ตัวตนเราคือใคร
เราต้องการความฉาบฉวยในสิ่งที่เราอยากจะได้ เราต้องไปแสร้งเป็นในสิ่งที่คนอื่นอยากเห็นเท่านั้นหรือ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันนี้เมื่อเราบังคับตัวเองให้เปลี่ยนแปลง วันนึงเราก็อาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ฉันเป็นใคร" กลายเป็นคนไม่รู้จักตัวเอง และในที่สุดเมื่อเราทนไม่ได้กับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง เรารู้จักตัวเองมากขึ้นและอยากจะได้ในสิ่งที่ใจปราถนาจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นสิ่งที่เราได้ดำเนินไว้ ลูกเมีย ภาพพจน์ ภาระต่างๆ ความคาดหวัง ได้เป็นเครื่องจองจำอันหนักอึ้ง เกิดผลกระทบต่อคนรอบข้าง จนเราไม่สามารถสลัดหลุดไปได้

ถ้าใครสักคนอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือเปลี่ยนแปลงคนใกล้ชิด
จงเปลี่ยนไปในทิศทางเป็นตัวของตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม อย่าเปลี่ยนไปสู่จุดหมายที่เราไม่ได้เป็นสิ่งนั้น

ผมเชื่อว่าเรา ชายที่รักผู้ชาย ก็อาจจะรักผู้หญิงได้ด้วย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้
และชายที่รักผู้หญิง สักวันหนึ่งก็อาจจะค้นพบว่า ตัวเองก็รักผู้ชายได้ด้วยเช่นกัน ก็ต้องยอมรับมา...

สุดท้าย... มีคำเด็ดๆ จากครอบครัวที่มีลูกชายเป็นเกย์เต็มตัวและยอมรับได้ คุณแม่ของลูกชายเกย์ได้กล่าวไว้กว่า "ลูกอิชั้นเป็นเกย์นะค่ะ ไม่ใช่เป็นหวัด กินยาแล้วจะได้หาย"

ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=grenadine1oz&month=07-01-2011&group=8&gblog=7